คุณมีลักษณะบ่งบอกความเป็นเถ้าแก่ 7 อย่างในตัวคุณหรือไม่?

เถ้าแก่ 7 อย่างในตัวคุณ

เถ้าแก่ 7 อย่างในตัวคุณ

ถ้าคุณมีลักษณะเหล่านี้ในตัวคุณ มันจะคอยเป็นแรงผลักดันให้คุณเริ่มทำธุรกิจและจะนำคุณไปสู่ความสำเร็จ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีคุณจะรู้ได้อย่างไรว่า คุณครอบครองสัญชาติญาณนักธุรกิจ เพราะมันไม่มีทางจะรู้ได้อย่างแน่ชัด แต่อย่างน้อยผมพบปัจจัยพื้นฐานหลายสิ่งหลายอย่างในความเป็นปัจเจกบุคคลและ จากพื้นฐานครอบครัวของคนที่ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจ ที่ส่งผลให้เกิดลักษณะทั้ง 7 ประการ

อย่างไรก็ตาม คุณไม่จำเป็นต้องมีลักษณะผู้ประกอบการครบทั้ง 7 ข้อ เพื่อการจะทำธุรกิจให้สำเร็จ แต่ถ้าคุณมีลักษณะที่ว่านั้นมากเท่าไหร่ คุณก็จะใกล้เคียง ความเป็นผู้ประกอบการที่ประสบผลสำเร็จมากเท่านั้น

ความเป็นเถ้าแก่

1. บรรพบุรุษของคุณมีธุรกิจเป็นของตัวเอง

บรรพบุรุษของคุณมีธุรกิจเป็นของตัวเอง บุคคลที่ประสบความสำเร็จในการประกอบธุรกิจมีแนวโน้มที่บรรพบุรุษ หรือคนใกล้ตัวของเขาจะทำอาชีพส่วนตัว เป็นที่ยอมรับกันดีว่า การหางานทำโดยการเป็นพนักงานบริษัทนั้นง่ายกว่าการริเริ่มทำธุรกิจด้วยตัวเอง แต่สำหรับผู้ที่เลือกจะทำธุรกิจส่วนตัว บ่อยครั้งที่เขาเหล่านั้นเห็นตัวอย่างมาจากคนในครอบครัว

2. คุณไม่ใช่พนักงานที่ดีนัก

คุณไม่ใช่พนักงานที่ดีนัก ขออภัยที่ไม่มีคำพูดหวานๆ คนที่ทำธุรกิจส่วนตัวมักจะเคยถูกให้ออกจากงานหรือเคยทำงานมามากกว่าหนึ่งที่ ผมไม่ได้หมายถึงกรณีที่คุณถูกไล่ออก เนื่องจากทำงานไม่มีประสิทธิภาพหรือเปลี่ยนงานเพราะต้องการค่าจ้างที่สูงขึ้น แต่เป็นเพราะว่าคุณต้องการ
อิสระ และคุณตัดสินใจที่จะลาออกด้วยตัวของคุณเอง เพราะในใจของคุณคิดว่า ไม่มีใครสามารถปกครองและควบคุมให้คุณทำงานได้ดีกว่าตัวของคุณเอง

3. คุณเข้าความหมายของคำว่า “ความมั่นคงในหน้าที่การงาน”

คุณเข้าความหมายของคำว่า “ความมั่นคงในหน้าที่การงาน” ผมรู้สึกอิจฉาคนบางกลุ่มที่ทำงานให้กับบริษัทใดบริษัทหนึ่งเป็นเวลากว่า 25 ถึง30 ปี ดูแล้วช่างมีความสุขเสียจริงๆ แต่คุณรู้จักกับคนแบบนั้นสักกี่คนล่ะ คนผู้ซึ่งทำงานให้กับบริษัทเดิมได้นานๆ ในสภาพเศรษฐกิจที่เปลี่ยน
แปลงอย่างรวดเร็วอย่างในปัจจุบัน คำว่า “ความมั่นคงในหน้าที่การงาน” ดูเหมือนความฝันที่พร้อมจะสลายไปทุกเมื่อ
ผู้ประกอบการรายหนึ่งพูดให้ผมฟังว่า “ถ้าผมทำงานให้ลูกค้าแล้วหัวหน้าของผมรู้สึกไม่พอใจ หรือหัวหน้าคิดว่าลูกค้าไม่ชอบผม, หรือผมเป็นตัวการ ทำให้ธุรกิจที่เขาดูแลอยู่ขาดทุน หรือด้วยเหตุผลใดๆก็แล้วแต่ ผมก็จะลาออก ถ้าความมั่นคงในอาชีพของผมขึ้นอยู่กับคนๆหนึ่ง บริษัทใด

บริษัทหนึ่ง แต่ถ้าลูกค้าสักคนหนึ่งไม่ชอบผม หรือไม่ทำการค้าด้วย หรืออะไรก็แล้วแต่ ผมก็ยังคงรู้สึกมั่นคง เพราะผมยังมีลูกค้าคนอื่น หรือถ้าจะยืมคำพูดของนักสังเกตการณ์ธุรกิจ(ผมคิดว่าเขาชื่อ Dilbert) “มีลูกค้ามากเรื่องสักร้อยคน ยังดีเสียกว่ามีเจ้านายงี่เง่าเพียงคนเดียว”

4. คุณจะให้ดีที่สุดเท่าที่คุณจะทำได้หรือเปล่า หรือ คุณยังอยู่เฉยๆ

คุณจะให้ดีที่สุดเท่าที่คุณจะทำได้หรือเปล่า หรือ คุณยังอยู่เฉยๆ บางครั้งการจะลงทุนอะไรสักอย่างเป็นผลมาจาก ความรู้สึกที่คุณคิดว่า คุณประสบความสำเร็จแล้ว คุณมาถึงยอดเขา คุณมองไปรอบๆ และเริ่มคิดว่า “ฉันจะทำอะไรต่อไป?” ผมไม่เถียงว่าการประสบความสำเร็จ ตั้งแต่ยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว เป็นสิ่งที่วิเศษ แต่นั่นอาจทำให้คนประเภทนั้นคลั่งได้ถ้ารู้ว่าไม่มีอะไรที่ท้าทายความสามารถอีกต่อไปแล้ว ขณะที่ร่างกายและความคิดยังมีพลังอีกเหลือเฟือ ในทางตรงกันข้ามแรงขับให้ทำสิ่งใหม่ๆ อาจจะมาจากความคิดที่ว่า คุณอยู่ท่ามกลางคนธรรมดาๆทั่วไปแทนที่จะได้ยืนอยู่แถวหน้า เพราะความหวาดกลัว การอยู่เฉยๆ จะเป็นแรงผลักดันที่มหาศาล โดยเฉพาะถ้าคุณคิดว่าคุณมีแนวคิดที่จะทำอะไรสักอย่างที่คุณคิดว่ามันช่างน่าสนใจ
และมีศักยภาพที่จะทำกำไรได้

5. คุณเข้าใจความเป็นไปของตลาด

คุณเข้าใจความเป็นไปของตลาด อย่าพูดถึงไอเดียธุรกิจที่คิดว่าเยี่ยมยอดของคุณ ถ้าคุณยังไม่เคยศึกษาตลาดสำหรับสินค้าหรือบริการ ที่คุณคิดจะผลิตออกมา ถ้าลองไปถามผู้อยู่เบื้องหลังธุรกิจดอตคอมช่วงสักสองสามปีก่อนหน้านี้ คำว่า “เยี่ยม” ของเขา อาจไม่ได้หมายถึง “กำไร” ก็ได้เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งคิดทำธุรกิจเลย ถ้าคุณยังมองตลาดไม่ออก

6. คุณมีสมาชิกในครอบครัวให้การสนับสนุน

คุณมีสมาชิกในครอบครัวให้การสนับสนุน การเริ่มต้นธุรกิจเป็นอะไรที่ตึงเครียด แม้คุณจะอยู่ท่ามกลางคนที่คอยให้กำลังใจก็ตาม ดังนั้นการเริ่มต้นโดย ไม่ได้รับการสนับสนุน จากคู่ครองของคุณ, สมาชิกในครอบครัว หรือเพื่อนฝูง เป็นอะไรที่ชวนให้อึดอัดมาก

7. คุณรู้จุดอ่อนจุดแข็งของตัวเองดี

คุณรู้จุดอ่อนจุดแข็งของตัวเองดี คุณอาจประชาสัมพันธ์สินค้าหรือบริการเก่ง คุณอาจบริหารเงินเก่ง คุณอาจจะมีความคิดสร้างสรรค์อย่างหาตัวจับยาก หรือ คุณมีความรู้เชิงเทคนิคที่ก้าวล้ำกว่าใคร

คุณมีความสามารถที่กล่าวมาบ้างหรือเปล่า คงเป็นไปไม่ได้ที่คุณจะทำอะไรได้ดีเลิศไปเสียทุกๆอย่าง หรือในทุกเรื่องที่จำเป็นต่อการทำธุรกิจ ลืมเสียเถอะคำว่า “กระบี่เดียวดาย” ไม่ว่าปรัชญาการทำงานแบบ “ข้ามาคนเดียว” ของคุณจะหมายถึงอะไรก็แล้วแต่ จงจำไว้ว่าในที่สุดแล้วคุณจำเป็น ต้องหาคนมาช่วยงานของคุณ

การมีคนคอยช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็น พนักงาน, พันธมิตรหรือที่ปรึกษา ผู้ซึ่งคอยช่วยเหลือคุณทำสิ่งที่คุณไม่ถนัด ความช่วยเหลือเหล่านี้เป็นสิ่งชี้วัดความสำเร็จในธุรกิจของคุณ Ernesto Sirolli เขียนไว้ใน “Ripples From The Zamberi” ว่า “ไม่มีเจ้าของกิจการคนไหนประสบความสำเร็จ ด้วยความสามารถของตัวเองล้วนๆ คนที่รู้จักบริหารคนอื่นให้ช่วยทำงานให้ต่างหากจึงจะเป็นผู้ชนะ”

จาก 7 Signs of An Entrepreneur
โดย Joseph Anthony

เว็บไซต์ http://www.bcentral.com/articles/anthony/187.asp
ที่มา : http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=iamzeon&month=31-10-2007&group=18&gblog=41

Exit mobile version